โดย ศุภางค์ จิระรัตนวรรณะ
สำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยเครื่องบินบ่อยๆ น่าจะมีความรู้สึกคล้ายกันว่า ขั้นตอนที่สนามบินนั้นน่าเหนื่อยหน่ายและกินเวลาเราหลายชั่วโมง จนบางทีนานพอๆ กับการเดินทางทางบกด้วยซ้ำ สนามบินที่ดีจึงช่วยให้เวลาในการรอ ไม่ว่าจะรอเพื่อขึ้นเครื่อง หรือรอเพื่อต่อเครื่อง เป็นเหมือนอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เราได้แวะพักก่อนการเดินทางไปยังจุดหมายจริงๆ
จากประสบการณ์การเดินทางไปยังหลายสิบประเทศทั่วโลกตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา สนามบิน Changi ของสิงคโปร์เป็นสนามบินที่ทำให้รู้สึกแอบ “ว้าว” เบาๆ ในใจได้มากที่สุด สิ่งที่ทำให้รู้สึกดี ไม่ใช่อาคารการก่อสร้างที่โอ่โถงด้วยหลังคาสูงๆ พื้นที่กว้างๆ และรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อทั้งสามเทอร์มินัลเข้าด้วยกัน เพราะสนามบินในเมืองใหญ่ๆ ทั่วไปก็เป็นแบบนี้
สิ่งที่ทำให้ “ว้าว” คือ ความใส่ใจในรายละเอียดในความรู้สึกของผู้คนที่ได้มาสนามบินแห่งนี้ ไล่กันไปตั้งแต่ห้องน้ำกว้างๆ และเพียงพอตลอดเส้นทางเดินไปยังจุดต่างๆ ของสนามบิน รวมถึงการตกแต่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในโรงแรมดีๆ สักแห่ง หรือเครื่องนวดขาและเท้าที่มีวางไว้บริการฟรีเป็นจุดๆ ตามทางเดิน ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์การโฆษณาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการสนามบินมาก ขนาดเราไปใช้เอง ยังแอบคิดจะซื้อสินค้าของเขาถ้ากลับถึงบ้าน แต่โชคดีที่ไม่มีเงินพอจะซื้อ เลยไม่ได้เสียเงิน (ว้า แย่จัง) นอกจากเก้าอี้นวดเหล่านี้แล้ว เรื่องเก้าอี้พักนั่งระหว่างทางนี่ นับไม่ถ้วนเลยทีเดียว นอกจากมีสีสันสวยงามดูดีแล้ว ยังมีแผงให้ชาร์จมือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งแบบใช้ปลั๊กและช่องต่อ USB… คือ ดีงาม
ที่ว่าไปข้างต้นก็ดูจะเป็นแค่สิ่งพื้นฐานที่สนามบินทั่วไปต้องมี แค่ดูดีกว่าที่อื่นหน่อย แต่สนามบินชางจีให้คุณมากกว่า เพราะเขามีโรงภาพยนตร์ที่เข้าไปนั่งหลับหรือนั่งดูหนังได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงกับเบาะนุ่มๆ แอร์เย็นๆ พร้อมจอนาฬิกาตัวใหญ่ๆ กันผู้โดยสารดูเพลินจนตกเครื่อง นอกจากนี้ ยังมีมุมบันเทิงให้นั่งดูหนังหรือดูบอลจอใหญ่ๆ บนเก้าอี้ และเบาะนั่งที่เหมือนไปปาร์ตี้บ้านเพื่อนฐานะดีๆ สักคน และในโลกของการติดต่อสื่อสาร ที่นี่ก็ไม่พลาด ใจดี ให้ใช้อินเทอร์เน็ตฟรีผ่านการขอรหัสใช้งานด้วยการสแกนพาสปอร์ตของเราตามจุด kiosk ต่างๆ ได้ใจมากๆ ณ จุดนี้
สนามบินแห่งนี้ถือเป็นแหล่งรวมของ kiosk ที่หลากหลายจริงๆ เช่น ถ้านึกขึ้นได้ว่ามีของต้องส่งกลับบ้าน หรือซื้อแล้วไม่อยากเอาไป หรือฉุกเฉินอะไรก็แล้วแต่ ที่สนามบินแห่งนี้ก็มีตู้ไปรษณีย์แบบจัดการทุกอย่างด้วยตัวเองให้ใช้งานตามอัธยาศัย หรือมีหน้าจอตรวจสอบสถานะเที่ยวบิน ประตูทางขึ้นเครื่อง และทิศทางที่จะไป ด้วยการสแกนบอร์ดดิ้งพาสเช่นกัน
ถ้าไม่อยากติดอยู่กับโลกออนไลน์หรือหน้าจอ ก็สามารถไปชมสวนผีเสื้อ ที่แม้จะไม่ได้เป็นธรรมชาติมากๆ เพราะอยู่ในรูปแบบสวนกระจก แต่ก็ทำให้มีอะไรทำมากกว่าไปนั่งดื่มกาแฟ หรือช็อปปิ้ง หรือแค่เดินเล่นไปเรื่อยๆ ในสนามบินก็จะเจอ สวนสวยๆ ตามจุดต่างๆ ให้แวะถ่ายรูปหรือชื่นชมไม้นานาพันธุ์ ถ้าได้ผ่านแถวเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก็จะเห็นหนุ่มสาวหน้าตาดี ยืนคอยทักทายถามไถ่ให้ความช่วยเหลือแบบเป็นมิตรขั้นสูงสุด
ถ้าท้องร้อง หรือท้องไม่ร้องก็แล้วแต่ ที่นี่มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนมน่านั่งมากมาย ทั้งด้านในสำหรับผู้โดยสาร และด้านนอกสำหรับผู้ที่มารอหรือมาส่งผู้โดยสาร และแน่นอนว่าราคาของร้านอาหารด้านนอกจะถูกกว่าอยู่แล้ว เรามีโอกาสไปลองร้านอาหารอินเดียน ราคาไม่แพง ให้เยอะ และอร่อยมากด้วย
พูดถึงด้านนอกตรง Arrival hall ก็ไม่ได้มีแค่ร้านรวงที่น่าละลายทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมี display ต่างๆ ที่ทำให้สนามบินดูเป็นที่นัดสังสรรค์กันได้ นั่งร้านกาแฟ หรือกินอาหารเสร็จ ก็เดินเล่นซื้อของ พร้อมมีมุมถ่ายรูปอีกต่างหาก
ถ้าใครมีโอกาสเดินทางไปหรือต้องแวะที่สิงคโปร์ ลองเผื่อเวลาไปเดินเล่นในสนามบินกันดู แล้วจะรู้ว่า ทำไมตั๋วไปสิงคโปร์ (ถ้าไม่ได้โปรดีๆ ที่ซื้อล่วงหน้านานๆ) มันถึงแพงนัก!
แต่ต้องยอมยกให้ “สนามบินชางจี” เป็นที่หนึ่งในใจตอนนี้จริงๆ (แล้วสนามบินนี้เขาก็ได้รางวัลสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอันดับหนึ่งในปี 2015-2016 ด้วยนะ)
