ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 142; ดู “ของขวัญ” หนังซึ่งค่ายสหมงคลฟิล์ม โดยเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ สร้างขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 โดยให้พวกเราได้ชมฟรีทั่วราชอาณาจักรไทย
“ของขวัญ” ประกอบด้วยหนังสั้น 4 เรื่อง อยู่ภายใต้คอนเส็ปต์เดียวกัน คือถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แต่ละเรื่องมีฉากหลังอยู่ในจังหวัดสำคัญของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสานตามลำดับ กำกับโดยผู้กำกับ 4 คน ซึ่งล้วนเป็นยอดฝีมือของสหมงคลฟิล์ม แต่ละคนก็มีวิธีการนำเสนอที่มีลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกันไป แต่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
เรื่องแรก “ดอกไม้ในกองขยะ” กำกับโดย พี่อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร เป็นเรื่องของครอบครัวชนชั้นล่างในกรุงเทพฯ หัวหน้าครอบครัวเป็นพนักงานเก็บขยะ อ่านหนังสือไม่ออก เมียไม่ทำงานทำการ ชอบเล่นหวย ลูกชายเป็นวินมอเตอร์ไซค์ ชอบเล่นพนันบอล ส่วนลูกสาวเป็นเด็กมัธยมที่อยากได้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ หนังเรื่องนี้จะว่าไปก็มีเนื้อหาที่แรง เพราะสรรพความชั่วทั้งหลายทั้งปวงในสังคมแทบว่าจะมารวมกันอยู่ในหนังทั้งหมด แต่ผู้กำกับนำเสนออย่างเรียบๆ (มาก) ไม่ขับเน้นความชั่วจนเกินพอดี แต่กลับขับเน้นประเด็นหนึ่งที่น่าใคร่ครวญอย่างยิ่ง คือ ‘ความเชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นคนดีและได้ทำดีทุกอย่างแล้ว’ ของตัวละครเอก ผู้กำกับมีกลวิธีหลายอย่างที่ทำให้เราฉุกคิดและสนใจประเด็นนี้มากเป็นพิเศษ โดยมีเนื้อหาส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แบบชัดๆ อยู่เพียงอย่างเดียว คือตัวละครเอกพบหนังสือพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ฉบับการ์ตูน ที่มีคนทิ้งไว้ในกองขยะ #ฮือออออ ก็เลยเก็บมาด้วย แต่พยายามอ่านแค่ไหนก็อ่านไม่ออก #โฮฮฮฮฮฮฮ
เรื่องที่สอง “เมฆฝนบนป่าเหนือ” กำกับโดย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เป็นเรื่องของกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ที่จะไปทำโครงการปลูกป่าบนดอยในจังหวัดเชียงใหม่ แต่กลับค้นพบความจริงว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะความตั้งใจดีและรวมถึงความรู้สึกดีๆ อาจจะถูกปฏิเสธก็ได้ ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมหรือเรายังทำไม่มากพอ หนังเป็นสไตล์ของมะเดี่ยวชัดเจน คือแม้จะเป็นเรื่องของกลุ่มตัวละครวัยรุ่น แต่ก็มีประเด็นที่กว้างขวางและลุ่มลึก โดยเฉพาะหนังเรื่องนี้ มีหลายๆ อย่างที่แสดงให้เห็นว่า ผู้กำกับและผู้เขียนบทมีความเข้าใจในพระราชกรณียกิจและแนวพระราชดำริซึ่งถ่ายทอดผ่านพระราชดำรัสที่พระราชทานในโอกาสต่างๆ เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าค้นคว้ามาดีและเข้าใจถูกต้องด้วย เพียงแต่การนำเสนอแบบหนังวัยรุ่นก็อาจจะอาภัพอยู่ประการหนึ่ง คือคนมักจะมองข้ามความลุ่มลึกของมันไป
เรื่องที่สาม “สัจจะธรณี” กำกับโดย พี่โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ เป็นเรื่องของเด็กสาวในจังหวัดปัตตานี ซึ่งพ่อหายออกจากบ้านไปและถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน หนังพี่โขมก็ยังคงโหดร้ายต่ออารมณ์ความรู้สึกของคนดูอยู่เช่นเดิม และมีหลายอย่างที่ ‘กล้าเล่น’ เกินคาด ซึ่งก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่การนำเสนอที่ไม่ค่อยปะติดปะต่อและคลุมเครืออาจจะทำให้เราเข้าถึงสารสำคัญได้ยากหน่อย
เรื่องที่สี่ “The Letter” กำกับโดย พี่ปรัช ปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นเรื่องของเด็กชายซึ่งเขียนจดหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 แล้วแอบเดินทางตามจดหมายนั้นจาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มาจนถึงริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง หนังเรื่องนี้น่ารักน่าเอ็นดูสุดๆ แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เด็กคนนี้ทำก็ดูคุ้นๆ พิกล แอบสะท้อนใจปนเข้าใจและขมๆ ในใจอยู่ เคราะห์ดีที่ตอนจบของหนังสามารถทำลายความขมได้หมดสิ้น จบได้ประทับใจและอิ่มเอมใจจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มทั้งน้ำตา
โดยรวม หนังคงจะไม่ได้ทำมาเพื่อให้เราดูสนุก แต่น่าจะให้เราได้สำนึกตระหนักว่า หมดเวลาที่เราจะคิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อย่างฟูมฟายแล้ว ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องพิจารณาตัวเองอย่างจริงจัง ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และเราควรดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร นี่ต่างหากคือการสนองพระมหากรุณาธิคุณที่ดีที่สุดที่เราจะสามารถทำได้ในชีวิตนี้
สรุป: จ่าย 0 ได้กลับมา 80
หมายเหตุ: “ของขวัญ” ฉายฟรีทั่วประเทศ ที่โรงภาพยนตร์เครือเมเจอร์ เครือเอเพ็กซ์ และเฮ้าส์อาร์ซีเอ ผู้ชมสามารถเช็กรอบฉายในเว็บไซต์ แล้วไปรับบัตรได้ที่หน้าโรงภาพยนตร์เลย
โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
29 ตุลาคม 2560
(ขอบคุณภาพจาก hisoparty.com)
