โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
7 มิถุนายน 2015
ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 037; ดู Mad Max: Fury Road ที่ลิโด หนังที่พอดูจบอยากลุกขึ้นยืนปรบมือแล้วร้องว่า “เอาอีก เอาอีก”
ท่านใดไม่ได้ดูไตรภาค Mad Max เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ไม่ต้องตกใจ ดิฉันก็เกิดไม่ทัน อิๆๆ แต่ก็ไปดู Fury Road ได้โดยไม่งุนงงสงกา เพราะหนังเรื่องนี้ไม่เชิงว่าเป็นภาคต่อที่มีเหตุการณ์ต่อเนื่องจากไตรภาค เพียงแต่เป็นหนังในชุดเดียวกันซึ่งร้อยเรียงกันไว้ด้วยลักษณะเฉพาะของ Mad Max กล่าวคือ เป็นเรื่องราวของแมกซ์ อดีตตำรวจผู้เงียบขรึมซึ่งลูกเมียถูกฆ่าตาย และต้องตกอยู่ในสถานการณ์การไล่ล่าอันบ้าระห่ำในแดนเถื่อน โดยใน Mad Max: Fury Road นี้ ได้แก่ดินแดนในอนาคตหลังสงครามนิวเคลียร์ ซึ่งอารยธรรมล่มสลายและโลกกลายเป็นทะเลทรายอันเวิ้งว้างว่างเปล่า หนังแนวนี้จัดว่าเป็น Post-Apocalyptic Fiction หรือบันเทิงคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกหลังการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษย์ คำว่าอะโพคาลิปส์ (Apocalypse) นั้น เป็นชื่อพระคัมภีร์หนึ่งของคริสตศาสนา ว่าด้วยจุดจบของโลก ดังนั้น บันเทิงคดีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหายนภัยทั้งหลายที่จะก่อให้เกิดการล่มสลายของอารยธรรม ไม่ว่าจะเป็นภัยจากธรรมชาติหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ ภัยจากในโลกหรือนอกโลก อาทิ เอเลี่ยนบุก โรคระบาด ซอมบี้อาละวาด อุกกาบาตชน ก็จะเรียกว่าเป็น Apocalyptic Fiction ส่วน Post-Apocalyptic Fiction ก็จะเล่าเรื่องราวหลังอะโพคาลิปส์ คือหลังจากอารยธรรมล่มสลายไปแล้ว และผู้คนต้องดิ้นรนด้วยประการต่างๆ เพื่อให้มีชีวิตรอดท่ามกลางโลกอนารยะที่ทั้งแร้นแค้นและเลวทราม
ที่มารูป: http://2.bp.blogspot.com
ตามธรรมดาในโลกที่ทรัพยากรขาดแคลน ผู้ที่เป็นเจ้าของทรัพยากรก็จะมีอำนาจและตั้งตนเป็นใหญ่ ดังเช่น อิมมอร์ทัน โจ (แสดงโดย ฮิวจ์ คีย์ส-เบิร์น) ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งน้ำใต้ดินกลางทะเลทราย ทุกคนก็เลยต้องยอมศิโรราบ ยกให้แกเป็นราชา แล้วแกก็ขยายฐานอำนาจด้วยการตั้งกองกำลัง War Boys ล้างสมองเด็กชายให้บูชาแกราวกับเทพเจ้า และพร้อมจะสละชีพเพื่อแก จะได้ไปอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์หลังความตาย เรียกว่าใช้วิธีการของลัทธิอุบาทว์เต็มขั้น นอกจากนี้ แกยังไปฉุดคร่าเด็กสาวจากเมืองอื่นๆ มาตั้งห้าหกคน เพื่อทำหน้าที่บำเรอกามและเป็นแม่พันธุ์ผลิตลูกไว้สืบทอดอำนาจแก โดยมีเมียคนใหญ่ผู้เก่งกล้าสามารถ ชื่อฟิวริโอซา (แสดงโดย ชาร์ลิซ เธอรอน) เป็นหัวหน้าเมีย และทำหน้าที่เหมือนเป็นมือขวาของแกด้วย ในดินแดนแห่งนี้ไม่มีใครอยู่ได้อย่างเอกเทศเป็นอิสระ เพราะวอร์บอยส์จะไปจับตัวมาแล้วเก็บไว้ใช้เหมือนเป็นสัตว์หรือสิ่งของ แม็กซ์พระเอกของเรา (แสดงโดย ทอม ฮาร์ดี้) ก็โดนจับมาเหมือนกัน แล้วแกดันมีเลือดกรุ๊ปโอ ให้เลือดใครก็ได้ พวกวอร์บอยส์เลยใช้แกเป็น ‘ถุงเลือด’ ให้เลือดแก่วอร์บอยป่วยคนหนึ่ง ชื่อ นักซ์ (แสดงโดย นิโคลัส โฮลต์)
และแล้วเหตุการณ์อันสั่นสะเทือนอำนาจอิมมอร์ทัน โจ ก็เกิดขึ้น เมื่อฟิวริโอซาออกอุบายพาเมียเล็กทั้งห้าหนี เพื่ออิสรภาพและชีวิตที่ดีกว่า โจจึงระดมกำลังวอร์บอยส์ทั้งหมดออกติดตาม นักซ์ทั้งๆ ที่ป่วยก็อยากจะไปกับเขาเพราะนี่เป็นโอกาสที่จะได้โชว์ฝีมือให้โจเห็น แต่ติดที่เสียบสายรับเลือดจากแม็กซ์อยู่ เลยต้องเอาแม็กซ์ไปด้วยโดยมัดไว้หน้ารถ ลักษณาการเหมือนถูกตรึงกางเขน จากนั้นการขับรถไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางทะเลทรายก็เริ่มต้นขึ้น แล้วคนดูก็แทบไม่ได้หยุดพักหายใจอีกเลย ได้แต่ตื่นตะลึงระทึกขวัญมันส์พะย่ะค่ะไปกับเหตุการณ์และภาพที่เห็นตรงหน้า ฉากไล่ล่าที่มีอยู่ทั้งเรื่องนั้นมันช่างสุดยอดจริงๆ สุดยอดของความบ้า สุดยอดของความดิบเถื่อน สุดยอดของความสร้างสรรค์ แล้วมันก็ทำหน้าที่เล่าเรื่องและทำให้เรารู้จักตัวละครโดยแทบไม่ต้องใช้ถ้อยคำใดๆ ทั้งเรื่องตัวละครพูดกันไม่กี่ประโยค แต่เราสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เข้าใจตัวละครทุกตัว และเข้าใจสารที่หนังต้องการสื่อ ซึ่งมีอยู่เยอะมากและเป็นเรื่องใหญ่ๆ ทั้งนั้น ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง คนทำหนังเป็นเขาทำกันแบบนี้ นี่คือผลงานมาสเตอร์พีซของคุณลุงจอร์จ มิลเลอร์ ผกก.ชาวออสเตรเลียอย่างไม่ต้องสงสัย และเป็นหนังที่ดิฉันขอฟันธงเป็นครั้งแรกว่าทุกคนควรต้องดู มันสนุกมาก เติมเต็มจิตวิญญาณและความเป็นมนุษย์ของเรามาก นี่คือคุณค่าที่ทุกคนคู่ควร
สรุป: จ่าย 100 ได้กลับมา 200
