โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
3 มิถุนายน 2016
ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 062; ดู Money Monster หนังเรื่องที่ 4 ที่กำกับโดยโจดี้ ฟอสเตอร์ นักแสดงหญิงผู้เก่งกาจ แสดงโดยหม่อมพ่อหม่อมแม่ของวงการ จอร์จ คลูนีย์ กับจูเลีย โรเบิร์ตส์ ร่วมด้วยนักแสดงหนุ่มรุ่นหลาน แจ็ค โอ’คอนเนลล์ (ผู้รับบท หลุยส์ แซมเพอรินี ในเรื่อง Unbroken ที่ขุ่นแม่แองเจลิน่า โจลี กำกับ เมื่อปีกลาย)
ที่มารูป: http://www.impawards.com
จอร์จ คลูนีย์ เล่นเป็น ลี เกตส์ กูรูทางการเงินและพิธีกรชื่อดังเจ้าของรายการ Money Monster รายการวิเคราะห์หุ้นซึ่งออกอากาศสดทางทีวี นำเสนอแบบเถิดเทิงทิงนองนอยดูสนุกเข้าใจง่าย ก็เลยมีชาวบ้านร้านตลาดติดตามชมกันล้นหลาม เผอิญว่าตอนนั้นเกิดอุปัทวเหตุครั้งใหญ่ในวงการหุ้น คืออยู่ดีๆ หุ้นของบรรษัท IBIS Clear Capital ก็ตกแบบดิ่งพสุธา ทำให้เงินของผู้ลงทุนสูญไป 800 ล้านเหรียญในวูบเดียว โดยที่ซีอีโอของไอบิสฯ นามว่า วอลต์ แคมบี้ (นามสกุลน่ากลั๊ว) อธิบายเหตุผลว่า เป็นเพราะคอมพิวเตอร์สะดุด เนื่องจากอัลกอริทึมของระบบการเทรดมีปัญหา (เอิ่ม!!) ระหว่างที่ ลี เกตส์ กำลังดำเนินรายการเกี่ยวกับประเด็นนี้อยู่ ไอ้หนุ่มคนหนึ่ง (แสดงโดยโอ’คอนเนลล์) ก็โผล่กลางรายการ จับลีเป็นตัวประกัน แล้วบังคับให้ออกอากาศสดต่อไป เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า ฮีเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนรายย่อยที่สิ้นเนื้อประดาตัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และต้องการคำตอบที่แท้จริงว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าไม่ได้คำตอบ ฮีจะกดระเบิดให้ตายห่านกันหมดทั้งห้องส่งเลย
ในชั่ววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น แพตตี้ เฟนน์ ผู้กำกับรายการ (แสดงโดยเจ๊จู) เป็นคนเดียวที่สามารถดำรงสติสมาธิปัญญาอยู่ได้ นางจึงต้องเป็นหลักในการแก้ไขสถานการณ์เพื่อรักษาชีวิตตนเองและทีมงานทุกคนให้รอด จนนำไปสู่การสืบสาวหาความจริงและเปิดโปงเรื่องราวทั้งหมด โดยนางเป็นผู้กำกับการทุกสิ่งอย่างเลยนะ ไม่ใช่ตำรวจ แล้วระหว่างนั้น นางก็ต้องกำกับรายการไปด้วย เพราะรายการก็ยังคงออกอากาศสดอยู่ตามความต้องการของคนร้าย คือนางเกิดมาเพื่อกำกับจริงๆ ฮ่ะ แล้วบทแบบนี้ก็อยู่มือเจ๊จูมาก ดูแล้วมันส์ดี
ถ้าเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นหุ้น ดิฉันก็ว่าน่าเทรดอยู่นะ ช่วงแรกมันจะแกว่งๆ นิดนึง แอบใจไม่ดีว่าจะไหวมั้ยเนี่ย และแล้วมันก็ค่อยๆ ไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ กราฟพุ่งขึ้นๆๆ จนถึงช่วงไคลแมกซ์นี่พีคเลย ช่วงต้นๆ ของหนังนี่แอบเหวอเล็กน้อย หวั่นใจว่าหนังเรื่องนี้อาจจะกลายเป็นแบบอย่างให้คนที่ล้มละลายขายตัวเพราะหุ้น ควงปืนบุกรายการทีวีเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมบ้างก็ได้ แต่ปรากฏว่าพอดูไปเรื่อยๆ จนจบ ก็เปลี่ยนความคิด เพราะนอกจากหนังจะแสดงให้เห็นถึงความได้ไม่คุ้มเสียของการกระทำเช่นนั้นแล้ว ยังชี้ให้เห็นว่าเราผู้เป็นปลาซิวปลาสร้อย ถ้าหากโลภอยากรวยเร็วขึ้นมาโดยไม่ศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อน จะสามารถตกเป็นเหยื่อในธุรกิจการเงินได้ง่ายดายเพียงใด ที่สำคัญ สื่อควรมีบทบาทอย่างไรในโลกทุกวันนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยการหลอกลวงฉ้อฉลที่ ‘ถูกกฎหมาย’ เพื่อเอารัดเอาเปรียบคนทำงานหาเช้ากินค่ำ โดยไม่มีความสำนึกถึงผิดชอบชั่วดีแม้แต่น้อย
สรุป: จ่าย 120 ได้กลับมา 135
