ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 162; ดู Along with the Gods: The Two Worlds หนังที่ทำรายได้ทั่วโลกได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์หนังเกาหลี แซงหน้า Train to Busan ของอ๊ปป้ากงยูไปหลายช่วงตัว
หนังเรื่องนี้สร้างมาจากเว็บคอมิกส์ (การ์ตูนภาพที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์) เขียนโดย จูโฮมิน เป็นคอมิกส์ที่มีจำนวนผู้อ่านสูงสุดของเว็บ เมื่อพิมพ์เป็นเล่มก็ขายได้เกือบ 5 แสนเล่ม ได้รับการดัดแปลงเป็นหนัง 2 ภาคจบ ภาค The Two Worlds นี้เป็นภาคแรก มีชื่อภาษาเกาหลีว่า 신과함께 – 죄와 벌 (ชินควาฮัมเก – เจวาพ็อล) แปลว่า “เดินทางไปกับเทพเจ้า : บาปและการลงทัณฑ์” ชื่อไทยอย่างเป็นทางการก็คือ “ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า”
เกาหลีนี่มีความเชื่อแบบพุทธ + พราหมณ์ + ผี เหมือนบ้านเราเปี๊ยบ คือเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในลักษณะที่ว่า พอคนเราตายปุ๊บ ก็จะมียมทูตมารับดวงวิญญาณ พาไปยังโลกแห่งคนตาย ซึ่งภาษาไทยเรียกว่า “ยมโลก” แต่เรียกกันเป็นสามัญว่า “นรก” ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ตายจะต้องตกนรก เพียงแต่ทุกคนต้องไปนรกก่อน เพราะต้องไปฟังคำพิพากษาจากเทวดาผู้เป็นใหญ่แห่งยมโลก ว่าจะได้ไปเกิดในภพภูมิไหน เทวดาองค์นี้ก็คือ “พระยม” หรือ “พญายมราช” ภาษาเกาหลีเรียกว่า “ย็อมรา” #มาจากคำเดียวกันเห็นๆ พระยมเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมที่สุด ตัดสินดวงวิญญาณจากกรรมดีกรรมชั่วที่กระทำจริงๆ ไม่มีลำเอียงเข้าข้างใคร ด้วยเหตุนี้ ผู้มีตำแหน่งสูงสุดของหน่วยราชการที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและตัดสินคดีความของไทยสมัยก่อน ได้แก่เสนาบดีกรมเวียงในสมัยอยุธยา และเสนาบดีกระทรวงนครบาลในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงมีบรรดาศักดิ์และราชทินนามว่า “เจ้าพระยายมราช”
ที่มาภาพ: extmovie.maxmovie.com
Gods หรือ “พระเจ้า” ในหนัง Along with the Gods: The Two Worlds ก็คือยมทูต 3 องค์ ซึ่งทำงานร่วมกันเป็นทีมในการนำดวงวิญญาณไปฟังคำพิพากษาที่ยมโลก หัวหน้าทีมได้แก่ “คังริม” ยมทูตหนุ่มใหญ่สุขุมนุ่มลึก (แสดงโดย ฮาจุงวู) มี “เฮวอนเม็ก” ยมทูตหนุ่มหล่อปากร้าย (แสดงโดย จูจีฮุน องค์ชายชินจากละคร Princess Hours หรือ “เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา”) เป็นผู้ช่วยฝ่ายบู๊ และ “อีด็อกชุน” ยมทูตสาวน้อยจิตใจงาม (แสดงโดย คิมฮยางกี) เป็นผู้ช่วยฝ่ายบุ๋น เหตุที่ต้องมีทั้งบู๊และบุ๋น ก็เพราะยมโลกในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่ที่ที่ใครจะเดินฉุยฉายไปเข้าเฝ้าย็อมราได้โดยสะดวกโยธิน แต่จะต้องเดินทางฝ่าภยันตรายในนรกถึง 7 ขุม แต่ละขุมทำหน้าที่เป็นศาล 7 ศาล ตัดสินลงทัณฑ์ดวงวิญญาณที่เคยทำบาปหลักๆ 7 อย่าง ได้แก่ ความเกียจคร้าน #ล้องห้ายยย ความรุนแรง ความอยุติธรรม ความอกตัญญู การหลอกลวง การทรยศ และฆาตกรรม มีเทพผู้เป็นใหญ่ในนรกขุมนั้นทำหน้าที่ผู้พิพากษา เทพผู้ช่วยย็อมราทำหน้าที่อัยการ ยมทูตทำหน้าที่ทนายให้ดวงวิญญาณซึ่งเป็นจำเลย ถ้าจำเลยถูกพิพากษาว่าผิดจริงในศาลใด ก็จะต้องรับโทษทัณฑ์ในนรกขุมนั้นทันที แต่ถ้าหลักฐานของทั้งสองฝ่ายต่างหนักแน่นจนไม่สามารถตัดสินได้ ย็อมราจะเป็นผู้ตัดสิน และถ้าฝ่ายจำเลยสามารถชนะคดีได้ทุกศาลภายใน 49 วัน ย็อมราจะพิพากษาให้ดวงวิญญาณนั้นไปเกิดเป็นมนุษย์ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จสูงสุดของยมทูตผู้ทำหน้าที่ดูแล เพราะหากยมทูตสามารถช่วยดวงวิญญาณให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ได้ครบ 49 คน ยมทูตเองก็จะหลุดพ้นจากภาระหน้าที่ในยมโลก ได้ไปเกิดใหม่เช่นกัน
เรื่องราวใน Along with the Gods: The Two Worlds เริ่มต้นขึ้นจากการตายในหน้าที่ของพนักงานดับเพลิงหนุ่ม คิมจาฮง (แสดงโดย ชาแตฮยอน พระเอกเรื่อง My Sassy Girl หรือ “ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยม”) เขาจึงเป็น “วิญญาณคนดี” ที่นานๆ ทีจะมีสักครั้งหนึ่ง ทำให้ยมทูตอีด็อกชุนตื่นเต้นดีใจมาก เพราะมีแนวโน้มสูงที่จะชนะคดีทั้ง 7 ศาลภายใน 49 วัน และส่งคิมจาฮงไปเกิดเป็นมนุษย์ได้สำเร็จ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น คิมจาฮงก็จะได้ไปเกิดเป็นคนที่ 48 ของทีม เหลืออีกแค่คนเดียวจะครบ 49 คน ยมทูตอีด็อกชุนจึงมีความหวังเต็มเปี่ยม แต่ปรากฏว่า การพาคิมจาฮงฝ่า 7 นรกไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะหลายๆ อย่างที่เขาทำก็ยากจะตัดสินเหมือนกันว่าเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว แถมอยู่ดีๆ ยังมีวิญญาณอาฆาตออกอาละวาดในโลกมนุษย์ จนป่วนมาถึงยมโลกด้วย ทำให้ยมทูตคังริมต้องข้ามไปๆ มาๆ ระหว่าง 2 โลกเพื่อจัดการแก้ไข ในขณะที่เส้นตาย 49 วันก็ใกล้เข้ามาทุกที
ดิฉันตีตั๋วเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะสนใจจินตนาการเกี่ยวกับโลกหลังความตายของเกาหลีซึ่งต่อยอดมาจากความเชื่อและคำสอนในศาสนา แต่หลังจากดูจบก็รู้สึกว่าได้อะไรมากกว่านั้นเยอะ เพราะบทหนังเรื่องนี้เขียนได้แจ่มแมว หนังมีพล็อตย่อยๆ หลายพล็อต และเรื่องก็ยังไม่จบดี เพราะจะต้องมีภาค 2 ต่ออีก แต่บทหนังสุดแสนจะมีเอกภาพ มีแง่มุมให้ขบคิด มีความสนุกชวนติดตาม และทำให้เกิดความรู้สึกร่วมตลอดเวลา ทำเอาดิฉันร้องไห้จนตาแดงตาปูด ประโยคบอกรัก “ซารังเฮ” ของเกาหลี ซึ่งไม่เคยรู้สึกเลยว่าเป็นภาษาที่ไพเราะ กลับกลายเป็นเสียงที่ติดหูติดใจไม่ลืมเลือน
ดิฉันเคยได้ยินมานานแล้ว คนชอบพูดกันว่า ความดีความชั่วคืออะไร เราจะตัดสินได้ยังไงว่าอะไรคือความดีความชั่ว ใครคือคนดีคนชั่ว จะใช้เกณฑ์อะไรตัดสิน หรือจะให้ใครเป็นคนตัดสิน ดิฉันว่าปัญหาข้อนี้ไม่เห็นจะยาก ใครๆ ก็ตัดสินได้ทั้งนั้น ถ้าใช้เกณฑ์เดียวกัน คือพิจารณาเหตุปัจจัย หนังเรื่องนี้ตอกย้ำความจริงที่ว่า ไม่มีอะไรที่เราจะตัดสินไม่ได้ แม้ว่าจะก้ำกึ่งหรือมีเส้นแบ่งรางเลือนเพียงใดก็ตาม เพราะถ้าพิจารณาที่สาเหตุ เจตนา และผลที่เกิดขึ้นทั้งระยะสั้นระยะยาวของมันแล้ว ทุกอย่างจะชัดเจนในตัวว่านั่นคือความดีหรือความชั่ว ความถูกต้องหรือความผิด #นี่โคตรจะเป็นพุทธเลย
ขอแถมอีกนิด ฉากจบของหนังเท่มากวัวตายควายล้ม ภาค 2 จะเข้าเมื่อไหร่ไม่รู้แหละ แต่มันจะเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ดิฉันรอคอย
สรุป: จ่าย 140 ได้กลับมา 250
โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
20 กุมภาพันธ์ 2561
(ขอบคุณภาพปกจาก v.entertain.media.daum.net)
