ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 170; ดู Avengers: Infinity War หนังรวมพลซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลภาค 3 ว่าด้วยมหาสงครามล้างจักรวาล
บัดนี้ ครบ 10 ปีแล้วที่จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของพวกเราเหล่าสาวกสาวิกา นับตั้งแต่เปิดจักรวาลด้วย Ironman เมื่อปี 2008 ถ้าให้สรุปคร่าวๆ ว่าเราได้ดูอะไรกันไปบ้างแล้ว ก็จะประกอบด้วย ไตรภาค Ironman / ไตรภาค Thor / ไตรภาค Captain America / Guardians of the Galaxy 2 ภาค / หนังเดี่ยวของ The Hulk, Ant-Man, Doctor Strange, Spider-Man และ Black Panther บวกกับ Avengers ซึ่งดำเนินมาถึงภาคที่ 3 ในปีนี้ สิริรวม 19 เรื่อง และจะยังมีต่ออีก 5 เรื่อง ไปจนถึงปี 2020 คนดูผู้ภักดีอย่างเราก็จะดูกันต่อไปจนปิดจักรวาลโน่นแหละ (อ่านเรื่องจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลได้ในเบี้ยน้อยหอยน้อย 035 Avengers: Age of Ultron)
หนัง Avengers: Infinity War นี้ เป็นหนังรวมซูเปอร์ฮีโร่ที่ดำเนินเรื่องต่อเนื่องจากทุกเรื่องที่ผ่านมาแล้ว #ขอย้ำว่าทุกเรื่อง อะไรต่อมิอะไรที่โปรยไว้ตามรายทางมาตั้งแต่ Ironman มันจะมาเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในหนังเรื่องนี้แหละ เนื่องจาก Infinity War คือสงครามครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เปิดจักรวาลมา ทีมอเวนเจอร์สจะต้องสู้กับจอมวายร้ายแห่งจักรวาลซึ่งไม่เคยมีใครอาจหาญต่อกรได้ นั่นก็คือ ธานอส แห่งดาวไททัน ผู้รุกรานดวงดาวน้อยใหญ่ในจักรวาล ตามล่าหาอัญมณี 6 ชนิด เรียกรวมกันว่า Infinity Stones ซึ่งถ้าใครได้ครอบครองครบทั้ง 6 จะทำให้มีพลังอำนาจสูงสุด
เพื่อเป็นการเซอร์วิสแฟนๆ เบี้ยน้อยหอยน้อย ดิฉันจะขอเท้าความถึงอินฟินิตี้สโตนแต่ละชนิด และบทบาทของมันในหนังของจักรวาลมาร์เวลเรื่องที่ผ่านๆ มา เผื่อท่านใดพลาดไปบางเรื่อง มาดู Infinity War แล้วจะได้ไม่งงฮ่ะ
อัญมณีชนิดแรก สเปซสโตน (Space Stone) เป็นอัญมณีสีฟ้า มีพลังเคลื่อนย้ายสิ่งต่างๆ ไปได้ทุกที่ในจักรวาล ผนึกอยู่ในลูกบาศก์แก้ว เรียกว่า “เทสเซอแร็กต์” ดั้งเดิมเป็นสมบัติของแอสการ์ด (บ้านธอร์) แต่พอชาวสแกนดิเนเวียเลิกบูชาเทพเจ้านอร์ส หันไปนับถือศาสนาคริสต์ เทสเซอแร็กต์ก็ถูกนำมาซ่อนที่นอร์เวย์ ด้วยเหตุผลบางอย่าง (อ่านเรื่องของเทพเจ้านอร์สได้ในเบี้ยน้อยหอยน้อย 147; Thor: Ragnarok) ผู้ที่ค้นพบเทสเซอแร็กต์และกะจะเอามาใช้เป็นอาวุธ ก็คือ ผบ.โยฮันน์ ชมิดต์ หรือ “เรดสกัลล์” หัวหน้าองค์กรไฮดรา แต่แกดันพลาดไปจับเทสเซอแร็กต์ด้วยมือเปล่า ก็เลยโดนวาร์ปหายไปเลย คงจะไปที่ไหนสักแห่งในจักรวาลนั่นแหละ เทสเซอแร็กต์จมลงไปในมหาสมุทร กัปตันอเมริกาจึงสละชีพ ขับเครื่องบินดิ่งลงตาม (อ่านได้ในเบี้ยน้อยหอยน้อย 059; Captain America: Civil War)
ต่อมา หน่วยชีลด์งมเทสเซอแร็กต์ขึ้นมาได้ แล้วก็เอามาทำการทดลอง ช่วงนั้นโลกิกำลังห้าว ธานอสจึงหลอกใช้ มอบกองทัพเอเลียนให้โลกิเอามาบุกนิวยอร์ก เพื่อชิงเทสเซอแร็กต์มาให้ตน แต่โลกิก็ต้องพ่ายแพ้แก่ทีมอเวนเจอร์ส ธอร์จับโลกิกลับไปรับโทษที่แอสการ์ด พร้อมทั้งนำเทสเซอแร็กต์กลับไปเก็บที่คลังสมบัติแอสการ์ดตามเดิม
อัญมณีชนิดที่ 2 มายด์สโตน (Mind Stone) เป็นอัญมณีสีเหลือง มีพลังควบคุมจิตใจสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาล ผนึกไว้บนยอดคทาซึ่งธานอสมอบให้โลกิใช้เป็นอาวุธตอนที่นำกองทัพเอเลียนมาบุกนิวยอร์ก เมื่อโลกิพ่ายแพ้ คทาได้ถูกหน่วยชีลด์ยึดไป แต่เนื่องจากตอนนั้นชีลด์ถูกไฮดราแทรกซึมอยู่ พวกไฮดราก็เลยแอบชิงคทาเอามาทำการทดลองเปลี่ยนแปลงดีเอ็นเอมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ คนที่ยินยอมมาเป็นหนูทดลองก็คือฝาแฝดชายหญิงชาวโซโคเวีย ปิเอโตร และวานด้า แม็กซิมอฟฟ์ การทดลองประสบผลสำเร็จ สองพี่น้องมีพลังเหนือมนุษย์ ได้ฉายาว่า “ควิกซิลเวอร์” กับ “สการ์เล็ตวิตช์”
เมื่อทีมอเวนเจอร์สบุกเข้าไปที่ฐานลับของไฮดราเพื่อชิงคทา ก็ถูกแฝดมหากาฬเล่นงานอ่วม แต่ก็ยังอุตส่าห์ฉกคทามาได้ จากนั้น โทนี สตาร์ค (ไอร์ออนแมน) กับ ดร.บรูซ แบนเนอร์ (เดอะฮัลค์) ก็ใช้พลังจากมายด์สโตน สร้างหุ่น “อัลทรอน” ให้มาช่วยพิทักษ์โลก (อ่านได้ในเบี้ยน้อย 035; Avengers: Age of Ultron) แต่อัลทรอนดันมีพลังมหาศาลจนเกินควบคุม แถมยังฉลาดล้ำจนสามารถสร้างกองทัพของตัวเอง ดูดระบบปฏิบัติการ “จาร์วิส” ผู้ช่วยของไอร์ออนแมนเข้าไปในตัว แล้วสร้างร่างสมบูรณ์แบบของซูเปอร์ฮีโร่ขึ้นมา แงะมายด์สโตนจากคทาออกมาใส่ที่หน้าผากร่างนั้น กะว่าจะย้ายจิตของตนเข้ามาอยู่ในร่าง แต่ทีมอเวนเจอร์สชิงผนวกจาร์วิสเข้ากับร่างที่อัลทรอนสร้างเสียก่อน เกิดเป็นซูเปอร์ฮีโร่ชื่อ “วิชั่น” เป็นสมาชิกใหม่ของทีมอเวนเจอร์ส เช่นเดียวกับแฝดมหากาฬซึ่งกลับใจมาเข้าร่วมทีม รบกับกองทัพอัลทรอนที่โซโคเวีย อันเป็นเหตุให้ควิกซิลเวอร์เสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ส่วนมายด์สโตนก็ยังอยู่บนหน้าผากวิชั่นจวบจนปัจจุบัน
อัญมณีชนิดที่ 3 เรียลลิตี้สโตน (Reality Stone) เป็นอัญมณีสีแดง อยู่ในรูปของเหลว เรียกว่า “อีเธอร์” มีพลังสร้างและเปลี่ยนแปลงความจริงให้เป็นดังที่ต้องการ เป็นสมบัติของสวาทัลฟ์ไฮม์ อาณาจักรดาร์กเอลฟ์ นานมาแล้วมาลาคิธราชาดาร์กเอลฟ์ตั้งท่าจะใช้มันเปลี่ยนแปลงความจริงเพื่อให้จักรวาลตกอยู่ในความมืดมิด แต่ถูกปู่ของธอร์ขัดขวาง แล้วเอาอีเธอร์ไปซ่อนไว้ในอีกมิติหนึ่ง ผู้ที่ทะลุมิติไปพบเข้าโดยบังเอิญคือ ดร.เจน ฟอสเตอร์ แฟนของธอร์ ปรากฏว่าเธอถูกอีเธอร์ไหลเข้าร่าง ธอร์จึงต้องพาไปอยู่แอสการ์ดเพื่อความปลอดภัย มาลาคิธตามมาชิงอีเธอร์คืน รบกันตั้งแต่แอสการ์ดมาจนถึงโลกมนุษย์ แต่สุดท้ายมาลาคิธก็พ่ายแพ้ อีเธอร์ถูกนำไปมอบให้ ทานีเลียร์ ทิวาน ฉายา “เดอะคอลเล็กเตอร์” นักสะสมแห่งจักรวาล เก็บไว้ในห้องสะสมของแกที่ “โนว์แวร์” เพราะที่แอสการ์ดมีเทสเซอแร็กต์อยู่แล้ว ไม่ควรจะเอามณีอีกชนิดไปเก็บไว้ที่เดียวกัน
อัญมณีชนิดที่ 4 พาวเวอร์สโตน (Power Stone) เป็นอัญมณีสีม่วง มีพลังทำลายล้างจักรวาล บรรจุไว้ในผอบทรงกลม เรียกว่า “ออร์บ” เป็นสมบัติของดาวโมแร็ก ซึ่งปัจจุบันเป็นดาวร้าง ปีเตอร์ ควิลล์ (สตาร์ลอร์ด) กับกามอร่า ลูกสาวของธานอส เคยแย่งออร์บกันพัลวันเพื่อจะเอาไปขาย แต่พอรู้ว่าออร์บคือพาวเวอร์สโตน ก็ร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน คือ แดร็กซ์ ร็อกเก็ต และกรูท ปกป้องออร์บไม่ให้ตกไปอยู่ในมือธานอส และมอบออร์บให้หน่วยตำรวจอวกาศโนว่าคอร์ปส์เก็บรักษาไว้ที่ดาวแซนดาร์ (อ่านได้ในเบี้ยน้อยหอยน้อย 113; Guardians of the Galaxy Vol.2)
อัญมณีชนิดที่ 5 ไทม์สโตน (Time Stone) เป็นอัญมณีสีเขียว มีพลังในการควบคุมและบิดผันกาลเวลา เป็นสมบัติของ อกามอตโต จอมเวทย์คนแรกของจักรวาล อกามอตโตได้นำไทม์สโตนมาทำเป็นจี้ห้อยคอ เรียกว่า “ดวงตาอกามอตโต” และมอบเป็นมรดกให้แก่จอมเวทย์คนต่อๆ มา จนกระทั่งตกทอดมาถึง ดร.สเตรนจ์ ในปัจจุบัน (อ่านได้ในเบี้ยน้อยหอยน้อย 079; Doctor Strange)
อัญมณีชนิดที่ 6 โซลสโตน (Soul Stone) เป็นอัญมณีสีส้ม มีพลังควบคุมความตายของสรรพสิ่ง ปัจจุบันอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้
ที่มาภาพ: joblo.com
ธานอสใน Avengers: Infinity War เป็นตัวร้ายที่แอบมีปมฮีโร่ เพราะแกเชื่อว่าแกจะสามารถสร้างสมดุลของจักรวาลได้ด้วยการลดจำนวนประชากร แกก็เลยอยากได้มณีทั้ง 6 มาช่วยให้แกมีอำนาจที่จะกำจัดเผ่าพันธุ์ต่างๆ ออกไปครึ่งหนึ่งด้วยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว ทีมอเวนเจอร์สจึงต้องรวมพลังกันครั้งใหญ่ มากันเกือบหมดจักรวาล เพื่อสู้ศึกที่ดูเหมือนจะไม่มีทางชนะครั้งนี้
ดิฉันว่าดิฉันก็ไม่ได้อินกับจักรวาลมาร์เวลเท่าไหร่นะ จะเรียกตัวเองว่าสาวกก็ยังไม่อาจเอื้อม แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาดิฉันถึงได้ไหลตลอดเวลา เริ่มเรื่องไม่ทันกี่นาทีน้ำตาก็กระเด็นออกมาแล้ว แล้วมันก็ไหลไม่หยุดเลยจนจบเอ็นด์เครดิต ดิฉันมาลองคิดๆ ดูว่าอะไรทำให้กระทบใจได้ขนาดนั้น แล้วก็พบว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวลดำรงอยู่ก็เพื่อนำพาเรามาสู่หนังเรื่องนี้แหละ รู้ตัวอีกที ตัวละครทุกตัวก็กลายเป็นเสมือนญาติ ซึ่งเรื่องราวชีวิตทั้งสุขและทุกข์ของพวกเขา กลายเป็นสิ่งที่เราพลอยชื่นบานไปด้วย เจ็บปวดไปด้วย และเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำทุกอย่างโดยแทบไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
การนำนักแสดงมารวมตัวกันได้ขนาดนี้ กลายเป็นสิ่งที่ง่ายไปเลย เมื่อเทียบกับการเขียนบทหนังให้สามารถผูกโยงเรื่องราวของตัวละครทั้งหมดเข้าด้วยกันได้อย่างสมเหตุสมผล สนุกสนาน และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก โดยมีประเด็นเกี่ยวกับ ‘การแลกที่คุ้มค่า’ เป็นแกนกลาง ดิฉันอาจจะพูดไม่ได้ว่า Avengers: Infinity War เป็นหนังที่ดีที่สุด แต่สิ่งที่ตระหนักแน่แก่ใจในตอนนี้คือ มันเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดแล้ว
สรุป: จ่าย 140 ได้กลับมา 303
โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
29 เมษายน 2561
(ขอบคุณภาพปกจาก imdb.com)
