ดูหนังอย่างคนเบี้ยน้อยหอยน้อย 079; ดู Doctor Strange หนังเรื่องที่ 2 ของเฟส 3 แห่งจักรวาลมาร์เวล ซึ่งถ้านับรวมทั้งหมดตั้งแต่เฟส 1 จะเป็นเรื่องที่ 14 ดูกันมาตั้งแต่ Iron Man ภาคแรกในปี 2008 นี่ก็ผ่านมา 8 ปีแล้ว และเราจะต้องดูกันไปอีก 3 ปีกว่าจะจบบริบูรณ์ทั้งจักรวาล เหนียงยานกันไปข้างล่ะงานนี้
Doctor Strange มีชื่อเต็มๆ ว่า ดร.สตีเฟ่น สเตรนจ์ (แสดงโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์) แกเป็นประสาทศัลยแพทย์มือหนึ่งซึ่งชีวิตพลิกผันเมื่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้มือทั้งสองข้างแหลกละเอียด อย่าว่าแต่จับมีดผ่าตัดเลย โกนหนวดเองยังไม่ได้ อาชีพการงานของแกจึงต้องจบลง แกดิ้นรนทุกวิถีทางที่จะรักษามือให้หาย แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งไปสืบรู้มาว่ามีสำนักแห่งหนึ่งในเนปาลสามารถรักษาได้ แกจึงไปฝากตัวเป็นศิษย์ของเจ๊เอนเชียนต์วัน (Ancient One) ผู้เป็นเจ้าสำนัก (แสดงโดย ทิลดา สวินตัน) และฝึกฝนตนเองจนเทิร์นโปรเป็นเจ้าแห่งเวทย์มนตร์ เป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ทำหน้าที่พิทักษ์โลกในมิติที่แก๊งอเวนเจอร์สไม่สามารถเข้าถึง นั่นคือมิติแห่งจิตวิญญาณ
ที่มารูป: www.en.wikipedia.org
ช่วงต้นหนังผูกปมไว้ได้ดี คือเน้นให้เห็นว่า ดร.สเตรนจ์เป็นคนทะนงในความเก่งกาจปราดเปรื่องของตัวเองมาก อัตตาสูงระดับท็อป จนไม่เห็นหัวใครเลยแม้แต่คนที่รักและหวังดีกับแกอย่างแพทย์หญิงคริสทีน พาล์มเมอร์ (แสดงโดย เรเชล แม็คอดัมส์) เพื่อนร่วมงานซึ่งกิ๊กกันมานาน อุปนิสัยเช่นนี้ของดร.สเตรนจ์ก็เลยกลายเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการเรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆ ยิ่งศาสตร์นั้นเป็นศาสตร์ที่ล้ำไปกว่าวิทยาศาสตร์หลายเท่า แกก็ยิ่งต่อต้าน เพราะแกคิดว่าความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของแกคือที่สุดแล้ว ทั้งที่จริงๆ แล้วเรื่องของการฝึกฝนพลังจิตให้กล้าแข็ง จนสามารถควบคุมร่างกายให้เยียวยาตัวเอง และทำสิ่งต่างๆ ที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้นั้น เป็นเรื่องที่อธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่แกก็ยังไม่เชื่อ เพราะมันขัดกับสิ่งที่แกเชื่อว่าแกรู้ ช่วงแรกแกเลยฝึกไม่สำเร็จสักที ในส่วนนี้หนังปูพื้นได้ดีพอสมควร แต่หลังจากนั้น หนังกลับไม่แสดงการคลี่คลายปมให้ชัด ปล่อยให้คนดูจินตนาการเอง อันที่จริงบางอย่างถ้าได้จินตนาการเองจะดีกว่าการที่หนังบอกทั้งหมด แต่ในกรณีนี้มันเป็นเรื่องของการแก้ปมที่ผูกมาแต่ต้น ถ้าหนังแสดงให้เห็นสักนิดว่า ดร.สเตรนจ์ต้องลำบากลำบนยังไงกว่าจะลดอัตตาของตัวเองได้ หนังก็จะเข้มข้นกว่านี้เป็นอันมาก
อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้หนังไม่สนุกเท่าที่ควร ก็คือตัวร้ายของเรื่องไม่ค่อยน่ากลัวเล้ยยย อุตส่าห์ได้แมดส์ มิคเคนเซนมาเล่น แกเป็นนักแสดงเดนมาร์กระดับตัวพ่อเลยนะ มาโด่งดังในฮอลลีวูดตั้งนานแล้ว เล่นเป็น ดร.ฮันนิบาล เล็กเตอร์ ในซีรีส์ Hannibal จนคนดูขนหัวลุกไปตามๆ กัน แต่ใน Doctor Strange บทมาสเตอร์ไคซิเลียสของแกไม่เอื้อให้ได้แสดงความซับซ้อนของตัวละครเลย เสียดายของ ส่วนตัวร้ายผู้ยิ่งใหญ่ของเรื่อง คือดอร์มัมมู เจ้าแห่งมิติมืด (Dark Dimension) นั้น ก็ปราบง่ายเกิน เราจึงไม่ค่อยได้ลุ้นเอาใจช่วยตัวละครฝ่ายธรรมะเท่าไหร่ เพราะฝีมือฝ่ายธรรมะกับอธรรมไม่ค่อยสูสี กระดูกคนละเบอร์ว่างั้น
อย่างไรก็ดี ในความเห็นส่วนตัวของดิฉัน แม้บทหนังจะอ่อนแอไปนิดดังที่กล่าวมาข้างต้น แต่ดิฉันก็ยังสนุกสนานกับการได้ดูคัมเบอร์แบตช์ แม็คอดัมส์ และสวินตัน นักแสดงทั้งสามเจิดจรัสรัศมีจริงๆ โดยเฉพาะคัมเบอร์แบตช์ เท่ระดับอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลด้วยหนวดเคราบางๆ ผมหงอกที่จอนหู และชุดจอมเวทย์พร้อมผ้าคลุมวิเศษกับสร้อย “ดวงตาแห่งอกามอตโต” ซึ่งบรรจุไทม์สโตน (Time Stone) อันมีพลังอำนาจเปลี่ยนแปลงบิดผันมิติเวลา และทำให้เกิดห้วงเวลาวนซ้ำได้ ในส่วนของมุขตลกก็ยังมีอยู่ครบครันตามสไตล์มาร์เวล เป็นหนังที่ดูได้เพลิดเพลินแม้จะไม่สนุกเท่าเรื่องอื่นๆ ในแฟรนไชส์ก็ตาม
สรุป: จ่าย 0 (ใช้บัตรสะสมแต้ม) ได้กลับมา 80
หมายเหตุ: Time Stone เป็นหนึ่งในหกอัญมณีสำคัญของจักรวาลมาร์เวล เรียกรวมกันว่า Infinity Stones มีพลังอำนาจแตกต่างกันไป อัญมณีเหล่านี้มีบทบาทมาแล้วในหนังเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาของแฟรนไชส์ ที่เราคุ้นเคยที่สุดน่าจะเป็น Mind Stone ซึ่งมีพลังควบคุมจิตใจสิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลให้โอนอ่อนอยู่ใต้อำนาจ ทีแรกอัญมณีนี้ฝังอยู่ที่คทาของโลกิ แต่ได้ถูกแงะออกมาฝังไว้ที่หน้าผากของวิชั่นจวบจนปัจจุบัน ต่อไป Infinity Stones น่าจะมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในแฟรนไชส์ เราก็ตามดูกันต่อไปตามประสาคนดูผู้ภักดี #กราบหินกู
โดย ปวิวัณณ์ คำเจริญ
13 พฤศจิกายน 2016
