โดย Average Joe
13 กุมภาพันธ์ 2017
เป็นที่รู้กันดีว่า เอ็ม ไนท์ ชยามาลัน (M. Night Shyamalan) หรือพี่มาโนชของนักดูหนังหลายๆ คน มีชื่อเสียงโด่งดังมาจาก The Sixth Sense (1999) หนังดรามา-สยองขวัญสุดเซอร์ไพรส์ที่ได้ชิงรางวัลมากมาย แถมยังเป็นต้นฉบับหนังหักมุมให้แก่หนังในสมัยต่อมาอีกหลายเรื่อง จากนั้น หนังของพี่มาโนชก็ขายได้ดีมาเรื่อยๆ ด้วยพล็อตเรื่องที่เดาทิศทางยาก ทำให้เราต่างจับจ้องว่าพี่แกจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราได้อีก อย่าง Unbreakable (2000) Signs (2002) และ The Village (2004) จนพี่เริ่มมาแป้กกับ Lady in the Water (2006) ต่อด้วย The Happening (2008) และ After Earth (2013) ทั้งๆ ที่พล็อตเรื่องก็น่าสนใจ แต่หนังกลับน่าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ (จะว่าไปมันก็พอดูฆ่าเวลาได้ แต่ขาดองค์ประกอบสำคัญบางอย่างที่ทำให้เราเคยรู้สึกโอ้วว้าวกับหนังของพี่มาก่อน)
หลายคนบอกว่า Split เป็นผลงานที่ทำให้พี่มาโนชกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง แต่จริงๆ หากใครได้ดู The Visit (2015) ก็จะรู้ว่า พี่เขาคืนฟอร์มตั้งแต่เรื่องนั้นละนะ เพียงแต่อาจจะเป็นหนังทุนต่ำ ถ่ายด้วยกล้อง handheld แบบหนัง found footage ทั่วไป แถมไม่มีดาราดังมาเป็นจุดขาย หลายคนเลยไม่ค่อยรู้จักและได้ดูเท่าไหร่ แต่ไอเดียและความเซอร์ไพรส์ท้ายเรื่องจัดว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ที่มาภาพ: www.comingsoon.net
ในเรื่อง Split เด็กสาวสามคนถูกลักพาตัวตอนกลางวันแสกๆ โดยชายหนุ่มหน้าตาดุดันชื่อเดนนิส เด็กสาวทั้งสามฟื้นขึ้นมาในห้องที่ไม่มีหน้าต่างห้องหนึ่ง ต่างก็ไม่มีใครรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ต่อมาทั้งสามได้พบกับแพทริเชีย สตรีวัยกลางคนที่นำอาหารมาให้ และเฮ็ดวิก เด็กชายอายุเก้าขวบที่แอบเดนนิสกับแพทริเชียมาเล่นกับพวกเธอ สิ่งที่ทำให้เด็กสาวทั้งสามหวาดหวั่นนอกจากการถูกจับตัวมา ก็คือความจริงที่ว่า ทั้งเดนนิส แพทริเชีย และเฮ็ดวิก ต่างเป็นคนคนเดียวกัน ทั้งหมดเป็นบุคลิกที่อยู่ในตัวของเควิน ชายผู้มีอาการบุคลิกแตกแยก ซึ่งในตัวของเควินยังมีแบรี่ ออร์เวล เจด และบุคลิกอื่นๆ รวมกันอยู่ถึง 23 บุคลิก นอกจากนั้น ยังมี The Beast เป็นบุคลิกที่ 24 ที่รอวันปลดปล่อยออกมาสู่โลกภายนอก และเมื่อใดที่ The Beast หลุดออกมาได้ เด็กสาวทั้งสามก็จะกลายเป็นเครื่องสังเวยของมันไปด้วย
พี่มาโนชยังคงรักษาสไตล์หนังของตัวเองไว้ได้ดี ชอบตรงที่เฮียเล่าเรื่องอย่างเนิบนาบ ดูเผินๆ อาจจะชวนง่วงนอน แต่ทุกฉากกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจ เราจึงมิอาจละสายตาจากจอไปได้เลย เพราะแม้แต่สิ่งที่เล็กน้อยที่สุดในฉากหนึ่ง ก็อาจเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในฉากต่อมาก็ได้ นอกจากนี้ การค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นอดีตของเคซี หนึ่งในเด็กสาวที่ถูกจับตัวมา ก็ทำให้ตัวละครตัวนี้ดูลึกลับไม่แพ้เควินและบุคลิกต่างๆ ของเขาเลย
ชื่อหนัง Split มาจากคำว่า split personalities ซึ่งหมายถึง อาการบุคลิกแตกแยก (multiple personality disorder หรือ dissociative identity disorder) การนำเรื่องบุคลิกแตกแยกมาใช้ในหนังไม่ใช่เรื่องแปลก หนังที่เกี่ยวกับอาการนี้มีไม่น้อย เช่น Raising Cain (1992) Primal Fear (1996) Me, Myself & Irene (2000) Identity (2003) และ Secret Window (2004) แต่ Split ทำให้อาการนี้เป็นมากกว่าความผิดปกติทางจิตใจ กล่าวคือ บุคลิกที่แตกต่างกันมีส่วนทำให้สภาพร่างกายของแต่ละบุคลิกเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งทิดเจมส์ (James McAvoy) ก็แสดงเป็นบุคลิกต่างๆ ได้อย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ หนังยังแสดงให้เห็นอีกว่า การเติบโตมาแบบโดนผู้ใหญ่ทารุณกรรมตั้งแต่เด็กส่งผลร้ายต่อบุคคลคนหนึ่งอย่างไรบ้าง
7.5/10 ครับ ^_^
ป.ล. ตัวละครเควินนี้ มีพื้นฐานจากบุคคลจริงชื่อ บิลลี มิลลิแกน (Billy Milligan, 1955-2014) ที่ป่วยด้วยอาการบุคลิกแตกแยกเช่นกัน โดยในตัวบิลลีมีบุคลิกต่างๆ กันอยู่ถึง 24 บุคลิก
(ขอบคุณภาพปกจาก www.liveforfilm.com )
