โดย Average Joe
21 มิถุนายน 2015
ขอสารภาพว่าตอนแรกที่เห็นโปสเตอร์หนังเรื่อง Spy ไม่ได้อยากดูมากเท่าไร เพราะนึกว่าเป็นหนังตลกล้อเลียนหนังสายลับทั่วๆ ไป อีกอย่างคือปีนี้ได้ดูหนังสายลับสุดเฟี้ยวฟ้าวไปแล้วเรื่องหนึ่งคือ Kingsman: The Secret Service (อ่านรีวิวได้ในโพสต์เก่า) เลยคิดว่านอกจากเรื่องนี้แล้ว ไว้รอดูเจมส์บอนด์ตอนใหม่ (Spectre) ปลายปีเลยดีกว่า แต่มีเพื่อนที่ไปดูแล้วมาโฆษณาใหญ่ว่า “ตลกมาก” เลยหาเวลาไปพิสูจน์ความตลกบ้าง
ผลการพิสูจน์พบว่าหนังตลกจริงตามคำบอก และไม่ใช่ตลกธรรมดา แต่ตลกในระดับฮาแรงกันทั้งโรง หนังขนมุกตลกทุกประเภทมาสาดใส่คนดูอย่างไม่บันยะบันยัง เพียงไม่กี่นาทีที่หนังเริ่มเรื่อง เราก็รู้ว่า Spy ตั้งใจล้อเลียนหนังเจมส์บอนด์อย่างชัดเจน ตั้งแต่เครดิตต้นเรื่องพร้อมเพลงประกอบ บุคลิกลักษณะของตัวละครเอกที่เป็นสายลับมาดเนี้ยบ หรือตัวร้ายของเรื่องที่เป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ ส่วนฉากต่อสู้แอ็กชันก็มันสะใจ ทำให้หนังไม่มีจุดน่าเบื่อเลย แม้จะยาวถึงสองชั่วโมงเต็มก็ตาม (ซึ่งยาวเกินมาตรฐานหนังตลกทั่วไป)
Melissa McCarthy แสดงเป็น Susan Cooper เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลฝีมือเยี่ยมของซีไอเอ เธอตกหลุมรัก Bradley Fine (Jude Law) สายลับมือหนึ่งขององค์กร ถึงขนาดทำทุกอย่างเพื่อเขาได้ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ทำให้ Bradley ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ Susan จึงขออาสาปฏิบัติภารกิจสำคัญแทน โดยเธอต้องร่วมมือกับ Rick Ford (Jason Statham) สายลับขี้โม้ผู้คอยเหน็บแนมและดูถูกความสามารถของเธออยู่ตลอดเวลา และมีเพื่อนสาวจอมป้ำเป๋อเป็นผู้ช่วยของเธอในภารกิจสุดโหดมันฮาครั้งนี้
นอกเหนือจากความตลกสุดติ่งแล้ว สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบตัวละคร Susan ให้เป็นหญิงสาวเจ้าเนื้อตัวกลม แม้เธอจะไม่ “สวย” ตามขนบเช่นสาวคนอื่นๆ (ไม่แน่ใจว่าบังเอิญหรือไม่ที่สาวสวยหุ่นดีในเรื่องเป็นตัวร้ายกันหมดเลย) แต่ Susan ก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่หาใครเทียบได้ยาก สิ่งเดียวที่คอยฉุดรั้งตัวเธอมานานนับหลายปีก็คือความไม่มั่นใจตัวเองของเธอนี่แหละ ใครหลายคนรอบๆ ตัวเรา แม้กระทั่งตัวเราเอง อาจจะเป็นอย่าง Susan ที่หวั่นไหวไปกับคำดูถูกเหยียดหยามจากปากผู้อื่น และยอมเชื่อคำพูดเหล่านั้นอย่างสนิทใจ จนบางครั้งก็คิดดูถูกตัวเองไปด้วย บางคนอาจโดนคนใกล้ตัวด่าว่า-บั่นทอนจิตใจมาเป็นเวลานาน จนทำให้เป็นคนที่ไม่มี self-esteem หรือความภูมิใจในตัวเอง เมื่อสะสมนานเข้า ความไม่มั่นใจนี้ก็ก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นกำแพงบดบังข้อดีอื่นๆ ของตัวเรา และอาจทำให้เสียโอกาสดีๆ ในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย โชคดีที่ Susan ยังหาทางพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ทลายกำแพงอคติ (ทั้งจากผู้อื่นและตัวเธอเอง) ลงได้ เธอทำให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็นสายลับที่มีดีทั้งบู๊และบุ๋น และสร้างตัวตนใหม่ให้กับตัวเองได้อย่างสวยงาม
ที่มารูป: https://images-na.ssl-images-amazon.com
เราทุกคนล้วนมีข้อดีในตัวเอง จงทำความรู้จักส่วนดีของตนและใช้มันให้เป็นประโยชน์นะครับ
8.5/10 ครับ ^_^
ป.ล. ส่วนตัวคิดว่า ความฮาสุดๆ ของหนังเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่ซับไตเติลที่แปลได้ดีถึงใจเอามากๆ ขอส่งคำชมไปให้คุณธนัชชา ศักดิ์สยามกุลด้วยครับ ไม่เคยผิดหวังกับฝีมือคนนี้เลยจริงๆ
