โดย Average Joe
July 26, 2012
ด้วยความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 40 นาทีของ The Dark Knight Rises นี่คือภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ชวนให้ผู้ชมขบคิดต่อยอดเกี่ยวกับเรื่องราวมากมายตามรายละเอียดที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องตั้งแต่เรื่องใหญ่ๆ เช่น ชนชั้นในสังคม ระบบทุนนิยม ความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย จิตสำนึกของความรับผิดชอบต่อสาธารณะ การต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความเป็นธรรม จนถึงเรื่องที่เล็กลงมา เช่น ปัญหาทางจิตวิทยาของตัวละคร เป็นต้น
ที่มารูป: https://images6.alphacoders.com
เชื่อว่าใครหลายคนคงจะมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวหนังไม่มากก็น้อย เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เหตุการณ์หลายช่วงที่ปรากฏในหนัง ช่างใกล้เคียงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเราเมื่อเร็วๆ นี้เหลือเกิน เราอยู่ในโลกที่มีคนที่นิยมความรุนแรงมาปลุกระดมประชาชนที่หวาดผวาให้ร่วมกันทำลายบ้านเมืองของตัวเอง โดยอ้างว่ามันคือ “พลังประชาชน” เพื่อสร้าง“อารยธรรมสมัยใหม่”และเลยเถิดไปจนถึงการตั้งศาลเตี้ยมาพิพากษาคนอื่น(โดยละเลยเรื่องคุณธรรม มนุษยธรรม และศีลธรรมไปอย่างหน้าตาเฉย) ส่วนรัฐบาลและผู้รักษากฎหมายทั้งหลายก็อ่อนแอและขลาดเขลาเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ (กว่าจะได้สติกันก็เกือบจะสายเกินเยียวยา) สิ่งเดียวที่ผู้คนทั้งหลายยังฝากความหวังได้อยู่คือ “วีรบุรุษ” สักคนที่จะมาช่วยกอบกู้โลกใบนี้ให้มันดี “พอ” ที่จะมีชีวิตต่อไปได้บ้าง
ที่มารูป: http://www.oknation.net
ส่วนตัวข้าพเจ้าเชื่อว่า สังคมใดที่โหยหา ต้องการ และเฝ้ารอการมาถึงของวีรบุรุษ (หรือวีรสตรี) ผู้กอบกู้ สังคมนั้นน่าจะยังเป็นสังคมที่ไม่มั่นคง ทั้งในแง่ของทางเศรษฐกิจ การปกครอง รวมไปถึงจิตใจและความรู้สึก “ปลอดภัย” ของประชาชนด้วย แต่หากคนส่วนใหญ่เชื่อว่า “เราทุกคนต่างเป็นวีรบุรุษ” ที่สามารถช่วยเหลือเยียวยาสังคมนี้ให้ดีขึ้นมาเองได้ เมื่อนั้น แนวคิดเกี่ยวกับ “วีรบุรุษ/วีรสตรีผู้กอบกู้” ก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป ฉะนั้น คำถามที่ว่า “เรายังต้องการวีรบุรุษหรือไม่” อาจจะเป็นคำถามเชิงวาทศิลป์ (rhetorical question) ที่ชวนให้เรากลับไปคิดกัน
ประเด็นหนึ่งที่หนังพูดถึงคือการรับมือกับความเจ็บปวด บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นเมื่ออดีต อาจเป็นได้ทั้งสิ่งที่ฉุดเราลงเหว หรือส่งให้เราฮึดสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า สำหรับ Bane และวายร้ายต่างๆ มักจะใช้ปมปัญหาตรงนี้มาทำลายผู้อื่น เพื่อเรียกร้อง “ความยุติธรรม” ในโลกอันแสนจะอยุติธรรมใบนี้ และบางคนก็ทำไปเพื่อการแก้แค้นที่คอยกัดกินหัวใจเขาเองมานานหลายปี แต่สำหรับ Wayne เขาแปลงบาดแผลในวัยเยาว์ให้กลายมาเป็นอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ (ในฐานะ Batman เขาออกมาต่อสู้กับเหล่าตัวร้ายทั้งหลายเพื่อความสงบสุขของ Gotham City ส่วนในฐานะของ Bruce Wayne เขาเป็นมหาเศรษฐีใจบุญที่บริจาคเงินช่วยเหลือเด็กกำพร้า และโครงการช่วยโลกต่างๆ)
ที่มารูป: http://ho.files-media.com
โดยสรุป The Dark Knight Rises เป็นหนังแบทแมนเวอร์ชันของ Christopher Nolan ที่ดูแล้ว “อิ่ม” มากในแง่ของการจุดประกายความคิด สืบสานจาก The Dark Knight ได้อย่างสมบูรณ์ทีเดียว (ส่วน Batman Begins ดูนานมากแล้ว ลืมไปแล้วอ่ะ :-P)
โอ๊ะ เกือบลืมให้คะแนน 9.5/10 ครับผม ^_^
