โดย Average Joe
22 พฤศจิกายน 2013
เมื่อปีที่แล้ว The Hunger Games (2012) ได้ปูเรื่องภาคปฐมบทของไตรภาคชุดนี้เอาไว้ในฐานะของหนังดรามาการเมืองชั้นดี แม้ฟังพล็อตเรื่องเผินๆ จะดูคล้ายกับหนังญี่ปุ่นสุดอื้อฉาว Battle Royale (2000) แต่เนื้อในและสารสำคัญของเรื่องกลับพูดถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของกลุ่มคนภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ และการโต้กลับอำนาจรัฐบาล เช่นเดียวกับ V for Vendetta (2005) นอกจากนี้ ยังนำเสนอประเด็นเรื่องชนชั้น เสียดสีทุนนิยม บริโภคนิยม รวมถึงบทบาทและจรรยาบรรณของสื่ออย่างจริงจังอีกด้วย และในปีนี้ เรื่องราวจากภาคที่แล้วก็ดำเนินต่อมาถึงมัชฌิมบท ใน The Hunger Games: Catching Fire
ที่มารูป: http://www.impawards.com
แม้จะเอาชีวิตรอดจากภาคแรกมาได้ แต่ทั้ง Katniss และ Peeta ก็ไม่ได้มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น เพราะทั้งคู่ต่างถูกสื่อจับตาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ผู้คนในเขตต่างๆ ก็ได้เชิดชูให้ Katniss เป็นตัวแทนแห่งความหวังในการปฏิวัติไปแล้ว (โดยมีรูปนก Mockingjay เป็นสัญลักษณ์) ซึ่งแน่นอนว่า สถานภาพนี้ถือเป็นสิ่งที่คุกคามความมั่นคงของรัฐบาล Capitol ไม่น้อย ประธานาธิบดี Snow จึงคิดหาทางกำจัด Katniss ให้เร็วที่สุด เขาตั้งกฎระเบียบขึ้นใหม่ตามใจชอบ โดยเรียกผู้ชนะในอดีตกลับมาต่อสู้กันเองใน The Hunger Games ครั้งใหม่ เพื่อตั้งใจทำลายความหวังอันริบหรี่ของประชาชนให้ดับสิ้นลงไปอีกครั้งหนึ่ง
ประธานาธิบดี Snow เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผู้ปกครองชั้นเลวทั่วไป เขามองประชาชนของตัวเองด้วยสายตาหยามเหยียด กดขี่ข่มเหงและดูถูกว่าเป็นคนชั้นต่ำที่ไม่มีค่า ประหนึ่งแมลงหรือเชื้อโรคร้ายที่น่าขยะแขยง และพร้อมใช้กำลังรุนแรงกำราบย่ำยีและควบคุมกลุ่มคนที่ต่อต้าน หรือแม้แต่กำจัดใครก็ตามที่มีท่าทีแข็งขืน กระด้างกระเดื่องต่ออำนาจของเขา โดยหารู้ไม่ว่า คนเราหากโดนบีบมากเท่าไร แรงต่อต้านก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ส่วนประชาชนอีกฝั่งที่อยู่ในเมืองหลวง เขาก็ใช้สื่อที่ไร้จรรยาบรรณเป็นเครื่องมือมอมเมาคนเหล่านี้ให้ลุ่มหลงแต่ความหรูหราฟุ้งเฟ้อ หรือไม่ก็ปิดหูปิดตาไม่ให้เห็นภาพหรือปัญหาที่แท้จริงของประเทศ
หลังจากดูหนังจบไปสองภาค ก็รู้สึกว่า The Hunger Games มีความคล้ายคลึงกับ Star Wars Trilogy (ภาค 4-6) อยู่บ้างในด้านการดำเนินเรื่อง กล่าวคือปฐมบทของ The Hunger Games น่าจะพอเทียบได้กับ Episode IV: The New Hope โดย Katniss อาจเทียบได้กับ Luke Skywalker ในฐานะที่เป็น “ความหวังครั้งใหม่” ส่วนในภาคต่อมา Episode V: The Empire Strikes Back จักรวรรดิใน Star Wars ก็เหมือนกับรัฐบาล Capitol ที่ชอบใช้วิธีรุนแรงควบคุมประชาชนของตน และเมื่อดูแนวทางมาเช่นนี้แล้ว ก็หวังอย่างยิ่งว่า ในภาคปัจฉิมบทที่ชื่อ Mockingjay (ที่ได้ข่าวว่าจะทำแยกเป็น Part I & Part II) เราคงได้เห็น Katniss และแนวร่วมออกมาต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ เช่นเดียวกับเหล่าอัศวินเจไดใน Episode VI: Return of the Jedi เป็นแน่
ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ภาคนี้รัฐบาล Capitol ใช้ความรุนแรงเต็มขั้นจัดการกับกลุ่มคนที่ต่อต้านหรือแข็งขืน แต่ท่ามกลางการดูแคลนและการกดขี่ทุกรูปแบบ เราก็จะเห็นเชื้อไฟแห่งการปฏิวัติค่อยๆ ปะทุขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ประชาชนที่ถูกข่มเหงรังแกต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันและผนึกกำลังรวมกันอย่างช้าๆ ทว่ามั่นคง แม้แต่ป้า Effie Trinket ที่ดูเหมือนตัวตลกแต่งตัวเยอะๆ เว่อร์ๆ และดูเสแสร้งสุดๆ ในภาคที่แล้ว ก็ยังต้องหลั่งน้ำตาให้กับชะตากรรมอันน่าสมเพชของตัวเอก ส่วนเครื่องแต่งกายสุดอลังการ ก็ไม่ได้มีหน้าที่แค่แสดงความเก๋ไก๋ล้ำยุคแบบ futuristic ให้กับตัวหนังเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นขบถต่ออำนาจรัฐอย่างชัดเจนด้วย (ฉากชุดแต่งงานเจ๋งมาก อยากจะขอเป็นติ่งเฮีย Cinna) ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว Mockingjay การร่วมมือกันระหว่างผู้เข้าแข่งขัน หรือแผนการอันแยบยลของกลุ่มปฏิวัติเงียบ หากจะเรียกว่าภาคสองนี้คือ “อารยะขัดขืน” อย่างแท้จริง ก็คงจะไม่ผิดอะไรนัก
นี่คงเป็นหนึ่งในหนังหลายเรื่องที่มีเนื้อหาเหมาะกับสถานการณ์บ้านเมืองของเรา ณ ปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก ในหนังภาคนี้ ทั้ง Haymitch และ Finnick พูดเตือนสติ Katniss ว่า “จงจำไว้ว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร” (Remember who the real enemy is) ถึงเวลาแล้วที่เราควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า เหตุใดเราจึงต้องมาแบ่งพรรคแบ่งพวก ต่อสู้เข่นฆ่ากันเอง ในเมื่อ “ศัตรูที่แท้” ยังคงนั่งเป็นจอมบงการอย่างสบายใจอยู่ในเงามืด และคอยหัวเราะเยาะเย้ยพวกเราที่ทั้ง “โง่” และ “อ่อนแอ” จนให้เขาหลอกใช้ได้ กลายเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในเกมการเมืองอันสกปรกกระดานนี้
และตามที่ Haymitch ได้พูดไว้ว่า เกมนี้ ไม่มี “ผู้ชนะ” มีแต่ “ผู้รอดชีวิต” ใช่ หากเรายอมนิ่งเฉย ปล่อยให้เชื้อชั่วแห่งความบ้าอำนาจแพร่กระจายต่อไปเรื่อยๆ แม้จะมีคนลุกขึ้นมาสู้สักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจจะช่วงชิงเอาชัยชนะที่แท้จริงมาได้ แต่กลับต้องยอมมีชีวิตอยู่ให้เขาข่มเหงเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ แล้วสิ่งนี้น่ะหรือคือ “ชีวิต” ที่เราอยากได้?
ฉะนั้น พวกเราจงลุกขึ้นมาต่อสู้ ท้าทาย และเย้ยหยันอำนาจมืดกันเถิดพี่น้อง
9/10 ครับ ^_^
