โดย Average Joe
23 สิงหาคม 2012
Total Recall เวอร์ชันลุงอาร์โนลด์เมื่อปี 1990 สร้างความประทับใจให้ข้าพเจ้าไว้มากพอดู ในฐานะที่เป็นหนังเรื่องแรกที่ได้ดูในโรงใหญ่สมัยยังเป็นวัยรุ่น (ถึงกับโดดเรียนพิเศษไปดู) นอกจากนั้น ยังเป็นหนังไซไฟ-แอ็กชันที่เยี่ยมยอดในหลายๆ ด้าน (หากใช้ภาษาสมัยนี้คงต้องเป็น “เมพขิงๆ”) ทั้งเทคนิคด้านภาพ เมกอัพ การสร้างฉาก โครงเรื่อง ฯลฯ ที่เหนือจินตนาการและล้ำยุคมากๆ ฉากในหนังหลายฉากยังติดอยู่ในความทรงจำ แม้จะผ่านมานานถึง 22 ปีแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นฉากบนดาวอังคาร ป้าอ้วนชุดเหลือง รีเซ็ปชันสาวเปลี่ยนสีเล็บ สาวสามเต้าและมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย รวมถึงเจ๊ชารอน สโตน ที่สาวและสวยแบบ(ยัง)ไม่ต้องพึ่งเอฟเฟ็กต์ (ฮา) เรียกได้ว่าถึงขนเอาเทคโนโลยีเจ๋งๆ สมัยนี้มาร่วมกันสร้างใหม่อีกรอบ ก็คงทำให้เจ๋งโคตรแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
ฉะนั้น พอได้รู้ข่าวว่าจะรีเมค Total Recall ก็คิ้วขมวดรอไว้เลย ใจหนึ่งก็คิดว่า “ของเดิมมันเข้าขั้นคลาสสิกไปแล้ว จะสร้างใหม่ทำหยังฟะ” แต่อีกใจหนึ่งก็กระหายใคร่รู้ว่าจะสร้างออกมาเป็นยังไง ใครจะกำกับ แล้วใครจะมาเล่นบทของลุงอาร์นี่ในเวอร์ชันนี้ พอได้รู้ว่าเป็น Colin Farrell ก็อึ้งๆ ไปเล็กน้อย พลางคิดในใจว่า “จะไหวเร้อออออ” ไม่ใช่ว่าไม่ชอบคอลิน แต่มันดูไม่ค่อยเหมาะกะเขายังไงไม่รู้ อีกอย่างคือ เพิ่งดูคอลินในหนัง Fright Night ฉบับรีเมกไปเมื่อวันก่อน รู้สึกปวดตับกับหนังเล็กน้อย อยากจะถามพ่อคอลินเหลือเกินว่า คิดอะไรของแก ถึงได้รับเล่นหนังรีเมกติดกันสองเรื่องแบบเน้! และพอรู้ว่าหนังเวอร์ชันนี้ไม่ได้ไปดาวอังคารแบบเวอร์ชันเดิม ก็เลยเริ่มจะเลิกหวัง (แต่ก็ดูอยู่ดี เหอๆๆ)
ครึ่งเรื่องแรกแทบจะเรียกได้ว่า หาความตื่นเต้นอะไรได้ไม่ (ยกเว้นฉากแรก โอ้ว คอลิน!) เพราะหลายอย่างก็ได้เห็นไปแล้ว (หลายครั้ง) จาก trailer หนัง (นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างของ trailer ที่บอกอะไรเยอะเกินไป คนดูแทบไม่เหลืออะไรให้ลุ้นในหนังแล้ว) พล็อตเรื่องก็เหมือนเดิม แถมยังเอาสิ่งที่เจ๋งๆ ในเวอร์ชันเดิมทิ้งไปเสียอีก นึกแล้วก็ ’รมณ์เสีย ละเหี่ยใจ วัยรุ่นเซ็ง อย่างไรก็ดี ถ้าหากไม่นับว่ามันเป็นหนังรีเมกจากเวอร์ชันเมพขิงๆ มาก่อน ก็ถือว่าทำออกมาสนุกใช้ได้ เอฟเฟ็กต์อลังการ แอ็กชันมันระห่ำ ดารานำสวย-หล่อ (^_^) ไอเดียของการเดินทางข้ามซีกโลกด้วย The Fall ก็ถือว่าไม่เลว (ทว่ายังไม่น่าจดจำเท่ากับ gimmicks มากมายในเวอร์ชันเดิมอยู่ดี)
สิ่งที่น่าสนใจของเวอร์ชันนี้ไปๆ มาๆ กลับไม่ใช่เอฟเฟ็กต์เมพๆ หรือพล็อตเรื่องที่ซับซ้อนตามสไตล์ของไซไฟ แต่กลับเป็นเรื่องทางสังคม ลองสังเกตดูว่า ประชากรส่วนใหญ่ของ The Colony มักเป็นชาวเอเชีย มีคนผมดำ ผิวขาวๆ เหลืองๆ ตาตี่ๆ มากมาย ป้ายตามท้องถนนก็มีอักษรจีนญี่ปุ่น เกาหลี อารบิก เยอะแยะไปหมด (มีรัสเซียแซมเล็กน้อย) สภาพบ้านเมืองก็ดูเสื่อมโทรมเละเทะ ประหนึ่งเอาชุมชนแออัดของทุกประเทศในเอเชียมายำรวมกัน แถมธนาคารในหนังยังชื่อ First Bank of New Asia อีกด้วย และประชากรจาก The Colony นี่เอง ที่ต้องเดินทางไปเป็นแรงงานให้กับ UFB (United Federation of Britain ที่บ้านเมืองไฮโซหรูหรา และมีแต่ประชากรชาวตะวันตก) แม้เรื่องราวจะเกิดในอนาคต แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่า เอเชียในสายตาฝรั่งเป็นยังไงในตอนนี้ อีกร้อยปีพันปีมันก็คงยังเป็นเช่นนั้นอยู่ เช่นเดียวกับที่ฝรั่งตะวันตกก็บ้าอำนาจไม่หยุด อยากควบคุมไปหมดเสียทั้งโลก โดยไม่สนวิธีการว่าจะรุนแรงโหดร้าย และทำให้เกิดความฉิบหายในองค์รวมแค่ไหน
ที่มารูป: http://3.bp.blogspot.com
ให้คะแนนครับ หนังเวอร์ชันลุงอาร์นี่ 9/10 เวอร์ชันนี้ให้แบบใจดีไปที่ 7/10 ส่วน Colin Farrell และ Kate Beckinsale เอาไปคนละ 8/10 ในฐานะที่สามารถหล่อ-สวยเป๊ะได้ทั้งเรื่อง ^_^
